ชั้น 4 อาคารสุขภาพแห่งชาติ เลขที่ 88/39 ถ.ติวานนท์ 14 ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
ขนาดตัวอักษร
-
+
ความตัดกันของสี
C
C
C
icon-lang-thภาษาไทย
ค้นหา
เมนู
จำนวนผู้อ่าน : 94 คน
การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการสำหรับการป้องกันและควบคุมโรคความดันโลหิตสูงในประชากรไทย โดยใช้ระบบต้นแบบในกำลังพลกองทัพบก
นักวิจัย :
ราม รังสินธุ์ , มฑิรุทธ มุ่งถิ่น , ปนัดดา หัตถโชติ , กัลยา จงเชิดชูตระกูล , บุญทรัพย์ ศักดิ์บุญญารัตน์ , ธีระบูลย์ เลิศวณิชย์วัฒนา ,
ปีพิมพ์ :
2566
สนับสนุนโดย :
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
วันที่เผยแพร่ :
27 พฤษภาคม 2567

ที่มาและความสำคัญ : โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นโรคที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งการรักษาจำเป็นต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากตัวโรค แต่การที่จะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวมารับการตรวจสุขภาพประจำปี เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาและมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่สามารถลดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้เอง จะเป็นสิ่งที่มีความซับซ้อนมากกว่า ระเบียบวิธีวิจัย : เป็นการศึกษาเพื่อนำนวัตกรรมไปสู่การปฏิบัติ (Implementation Research) ของการพัฒนาตัวแบบเชื่อมโยงการตรวจร่างกายประจำปีและประวัติการรับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อทำการติดตามผู้ที่มีความดันโลหิตสูงที่ได้เข้าสู่ระบบการยืนยันการวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเริ่มดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกต้นแบบ จากนั้นจะทำการวัดผลของการศึกษาในรูปแบบของผลลัพธ์ทางคลินิกของผู้ใช้งาน ได้แก่ ระดับความดันโลหิตในช่วงระยะเวลาที่เปลี่ยนไป การเปลี่ยนของน้ำหนัก ดัชนีมวลกายและผลทางห้องปฏิบัติการต่างๆ จากนั้นจะเป็นการนำผลของการศึกษาที่ได้ในเชิงปริมาณ ไปขยายผลต่อเพื่อขยายผลไปยังโรงพยาบาลอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งในสังกัดกองทัพบกและกระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นการทำการศึกษาเชิงคุณภาพในการสัมภาษณ์เชิงลึกและทำการสนทนากลุ่ม เพื่อนำเสนอการใช้งานและให้เกิดการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่องของตัวแบบเชื่อมโยง ผลการศึกษา : พบว่า ได้มีการพัฒนาตัวแบบเชื่อมโยงการตรวจร่างกายประจำปีและประวัติการรับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อทำการติดตามผู้ที่มีความดันโลหิตสูงที่ได้เข้าสู่ระบบการยืนยันการวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างต่อเนื่องโดยจะเริ่มดำเนินการในโรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกต้นแบบและผลการศึกษาของการใช้งานจากตัวแบบเชื่อมโยง พบว่า ผู้ที่มาตรวจสุขภาพทั้งหมด จำนวน 10,385 ราย เป็นผู้ที่สุขภาพแข็งแรงและไม่มีโรคประจำตัว จำนวน 1,980 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.07 ที่เหลืออีก จำนวน 8,450 ราย เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวและจำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีเพียง จำนวน 7,459 ราย เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 88.74 เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยที่สัมพันธ์ต่อการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง พบว่า เมื่อนำปัจจัย อายุที่เพิ่มขึ้น เพศ การเป็นโรคความดันโลหิตสูง การเป็นโรคไขมันในเลือดสูงและดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้น พบว่า เพศชาย จะมี Adjusted Odds Ratio ต่อการติดตามดูแลรักษา 0.37 เท่า เมื่อเทียบกับเพศหญิง ประวัติการเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะมี Adjusted Odds Ratio ต่อการติดตามดูแลรักษา 0.10 เท่า เมื่อเทียบกับการไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ประวัติการเป็นโรคไขมันในเลือดสูง จะมี Adjusted Odds Ratio ต่อการติดตามดูแลรักษา 0.39 เท่า เมื่อเทียบกับการไม่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง ดัชนีมวลกายที่เพิ่มขึ้นทุก 1 กิโลกรัมต่อตารางเมตร จะมี Adjusted Odds Ratio ต่อการติดตามดูแลรักษา 1.17 เท่า เมื่อเทียบกับดัชนีมวลกายก่อนหน้า นอกจากนี้จากการศึกษาเชิงคุณภาพ พบว่า ความสำคัญของตัวแบบเชื่อมโยงที่ควรต้องมีการคำนึงถึง ประกอบไปด้วยในเรื่องของการใช้ง่ายของตัวแบบเชื่อมโยง การแจ้งเตือนการนัดหมายและการเจาะเลือดมีประโยชน์ รวมถึงด้านข้อจำกัดของการเข้าถึงข้อมูลจากโรงพยาบาลใหญ่ สรุปผลการศึกษา : จากการศึกษาพบว่า ตัวแบบเชื่อมโยงสามารถที่จะพัฒนาผู้ที่ใช้งาน ให้สามารถมีผลลัพธ์ทางด้านสุขภาพที่ดีขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบที่ควรจะต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเป็นการเพิ่มสัดส่วนผู้ที่จะสามารถให้การดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องได้มากที่สุด นอกจากตัวแบบเชื่อมโยงแล้ว การควบคุมและดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงและจากการศึกษาเชิงคุณภาพยังคงพบว่า ตัวแบบเชื่อมโยงยังคงจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประโยชน์สูงสุดต่อไป


ลิงก์ต้นฉบับ : https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/6067

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เราใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดบนเว็บไซต์ของเรา โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว
ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

จัดการความเป็นส่วนตัว
คุกกี้ที่มีความจำเป็น
(Strictly Necessary Cookies) เปิดใช้งานตลอด

คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้