งานวิจัยมาใหม่แนะนำ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงผสมผสาน มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อศึกษาสถานการณ์ ถอดบทเรียนปัญหาอุปสรรค ปัจจัยสนับสนุน ในการเตรียมการ การป้องกันและการตอบสนองภาวะฉุกเฉินของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 2) เพื่อศึกษาความพร้อมและความต้องการของระบบสุขภาพในการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโรคระบาดระดับชาติ และ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการอภิบาลระบบสุขภาพในการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโรคระบาดระดับชาติ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิจัยเอกสารและศึกษาสถานการณ์ ถอดบทเรียน ปัญหาอุปสรรค ปัจจัยสนับสนุน รวมถึงการศึกษาความพร้อมและความต้องการของระบบบริการสุขภาพในการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโรคระบาดระดับชาติ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 115 คน และระยะที่ 2 เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการอภิบาลระบบสุขภาพในการจัดการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโรคระบาดระดับชาติ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพในการศึกษาแบบ Delphi Technique ใช้ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และการวิจัยเชิงปริมาณ ใช้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 633 คน เครื่องมือที่ใช้วิจัย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์เชิงลึก แนวคำถามสำหรับการสนทนากลุ่มย่อยและแบบสอบถามชนิดให้ตอบเอง การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้สถิติเชิงพรรณนา ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติอนุมานใช้ Factor Analysis ผลการศึกษาพบว่า ผลการดำเนินการจัดการภาวะฉุกเฉินของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอก 1-3 ของระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ทุติยภูมิ ตติยภูมิ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ยังขาดประสิทธิภาพ พบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน ได้แก่ วัสดุอุปกรณ์ในการป้องกันโรค และชุดอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment, PPE) ไม่เพียงพอ บุคลากรไม่เพียงพอ ขาดความรู้ ทักษะในการปฏิบัติ งบประมาณไม่เพียงพอในการจัดการ การจัดการศพผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ไม่ถูกต้องตามหลักการป้องกันโรค ประชาชนขาดความตระหนักในการป้องกันโรคไม่สวมหน้ากากอนามัย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ความเชื่อหลักศาสนาเป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน สำหรับความพร้อมของระบบสุขภาพ ได้แก่ บุคลากรมีความรู้และประสบการณ์ มีทีมบุคลากรสหวิชาชีพ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้การสนับสนุน (คน เงิน ของ) ความต้องการของระบบสุขภาพ ได้แก่ ต้องการขวัญและกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน/ค่าตอบแทน การส่งเสริมทักษะความรู้ใหม่ๆ ชุดอุปกรณ์ป้องกัน วัคซีน ยา เวชภัณฑ์ ให้มีความเพียงพอในสถานการณ์ฉุกเฉิน แนวทางเฝ้าระวัง สอบสวนโรคและการรักษาที่ชัดเจน มีงบประมาณฉุกเฉินในการดำเนินงาน การซ้อมแผนเผชิญเหตุทุกปี องค์ประกอบและปัจจัยการสนับสนุนจากหน่วยงานพิเศษในพื้นที่ความสำคัญมากที่สุด รองลงมา คือ การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย การพัฒนาศักยภาพ กำลังคนด้านสุขภาพ ข้อเสนอเชิงนโยบายที่มีความสำคัญ คือ การส่งเสริมสร้างอาชีพ สร้างรายได้ แก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อย การสร้างขวัญกำลังใจแก่ลูกจ้าง พนักงานของหน่วยงานท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง การพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้มีศักยภาพในระดับ Primary Care ที่ครบวงจร การพัฒนานักสื่อสารในระดับชุมชน การพัฒนารูปแบบการควบคุมป้องกันโรคระดับชุมชน การซ้อมแผนรองรับเผชิญเหตุ การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด การพัฒนาศักยภาพทีมหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ (Communicable Disease Control Unit, CDCU) การพัฒนาศักยภาพแกนนำดาวะฮ์ด้านความรอบรู้ด้านสุขภาพ การพัฒนาขีดความสามารถของระบบบริการสุขภาพด้านเฝ้าระวังโรคสอบสวนโรค การพัฒนายกระดับความร่วมมือกับผู้นำจิตวิญญาณ (บาบอ) และหน่วยงานพิเศษในพื้นที่
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สวรส เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สวรส. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้